เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ในเวลางาน: เป็นคนตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง เพื่อให้งานนั้นๆ สำเร็จได้อย่างราบรื่น (ท้อแท้บางในบางครั้ง), นอกเวลางาน: ง่ายๆ สบายๆ ชอบท่องเที่ยว ปาร์ตี้สังสรร เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง อารมณ์ขัน ยิ้มเก่ง (โดยเฉพาะตอนเริ่มกึ้มๆ แล้วอ่ะ 555)

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความสุขคือการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

Pic_20175

เชื่อว่าหากเอ่ยชื่อของอดีตนางแบบชื่อดังอย่าง จอย-วราลักษณ์ วานิชย์กุล เด็กๆหรือวัยรุ่นหลายคนต้องทำหน้างง คิ้วขมวดกันเป็นแถว สาเหตุไม่ใช่เพราะเด็กๆกลุ่มนั้นไม่อัพเดทข่าวสาร หรือตัวคุณจอยเองที่ไม่โด่งดังพอ แต่เพราะที่ว่าคุณจอยเป็นนางแบบนั้น เธอเป็นนางแบบรุ่นแรกๆ หรือรุ่นบุกเบิกของเมืองไทยก็ว่าได้ แถมตอนนี้คุณจอยยังผันตัวเองออกมาเป็นนักธุรกิจสาว ดูแลธุรกิจสปาของตัวเอง ทำให้เธอหายหน้าหายตาจากวงการไปบ้าง

แต่ความสนใจของสาวจอยหาได้อยู่ ที่ความดังหรือไม่ดัง เพราะสิ่งที่น่าสนใจสำหรับสาวคนนี้ คือความเป็นสาวสุขภาพดี และมีความคิดในการใช้ชีวิต การทำงานที่น่าสนใจ และใหญ่เกินกว่าร่างผอมบางของเธออย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” จึงไม่พลาดชวนสาวจอยมาร่วมพูดคุย...

ก้าวแรกของเส้นทางแคททวอล์กไทย
-ตอน นั้นเรียนอยู่ ม.4 เราก็เป็นนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งเดินเล่นอยู่ พอดีไปเจอกับพี่คนหนึ่ง ด้วยความที่เขาเห็นหน้าเราแปลก ไม่่เหมือนใคร ที่สำคัญเราสูงโดดเด่นมาก เขาก็เลยชวนเรามาถ่ายแบบ ซึ่งสมัยนั้นต้องบอกว่าอาชีพนางแบบ็ยังไม่ค่อยบูม มีแต่นางแบบลูกครึ่ง ตัวก็ไม่สูงมาก เราเข้าไปก็เลยค่อนข้างเด่นด้วยความแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่น ตอนนั้นเราก็ถ่ายแบบเยอะนะ ถ่ายให้นิตยสารดังๆหลายฉบับ เราก็ทำไปเรื่อยๆนะ ไม่ได้คิิดอะไร ไม่ได้คิดว่าจะยึดอาชีพนางแบบเป็นอาชีพหลัก เพราะเรารู้อยู่ตลอดว่าความฝันของเราคืออะไรเราอยากเป็นอะไร



บันไดก้าวสำคัญ

ระหว่าง ที่เป็นนางแบบเราก็ยังมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นนักธุรกิจ จำได้ว่าช่วงนั้นก็มีคนมาทาบทามให้เราเดินแบบต่างประเทศ อย่างพวกดีไซเนอร์ดังก็อยากให้เราไปอยู่ปารีส แต่ตอนนั้นด้วยความที่เราเด็ก เราก็เลยตัดสินใจไม่ไป เพราะคิดอยู่ในใจเสมอว่า อาชีพนางแบบที่เราทำ เราก็ดูชอบนะ แต่มันไม่ใช่ส่วนลึกๆที่เราชอบมากที่สุด คืออาชีพนางแบบเป็นอาชีพที่เราสนุกสนาน ทำรายได้ให้เราได้ แต่เราอยากให้มันเป็นก้าวบันไดที่ดีของเรา และทำเป็นงานอดิเรก

เวลา ผ่านไปไวเหมือนโกหก แหวบเดียวเราเป็นนางแบบมา 23 ปีแล้ว จอยก็คิดว่าถ้าจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เราจะทำอะไรดี ตอนนั้นก็มีหลายโปรเจ็คเข้ามาในสมองมาก ซึ่งช่วงที่จอยเป็นนางแบบ ก็มีโอกาสได้ทำงานหลายด้านไปพร้อมๆกันด้วย ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกไวน์ ซึ่งจากตรงนั้นมันทำให้จอยรู้สึกว่า เนื้องานที่ทำมันค่อนข้างยาก เพราะมันเป็นอะไรที่นอกไปจากตัวเรา เราต้องไปติดต่อกับโรงแรม ติดต่อกับคนกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งเราไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ กระทั่งเรามาจับงานด้านประชาสัมพันธ์ที่ลา เพอร์ร่า ซึ่งเราต้องติดต่อคุยงานกับคนในแวดวงเดียวกัน ทำให้เวลาจะติดต่ออะไรก็ง่ายขึ้น จากตรงนั้นทำให้เราคิดเลยว่า ถ้าจะทำธุรกิจอะไรที่เป็นธุรกิจแรกในชีวิตของตัวเอง จะต้องเป็นธุรกิจอะไรท่ีเราชอบ ถนัด ทำแล้วมีความสุข



จากความชอบลอง มาสู่การลงมือจริง

เริ่ม แรกเลยเราอยากทำธุรกิจด้านสกินแคร์ เพราะปกติจอยเป็นคนชอบดูแลตัวเองมาก ชอบลองว่าครีมตัวไหนใช้แล้วดี ทำอย่างไรเพื่อให้ผิวใส จอยสนุกกับการเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆของผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆบนโลก ประกอบกับจอยเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ชอบลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เราคิดว่าถ้าเรากินดี ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีเนี่ย มันจะปกป้องตัวเองไปเลย 5 ปี 10 ปี สังเกตว่าคนสมัยนี้จะแก่ช้า เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น กินดีอยู่ดีมากขึ้น ครีมกระปุกเดียวช่วยให้หน้าตึงได้

ซึ่งจากตรง นั้น ก็ทำให้เราเริ่มคิดว่าเราจะมาทำธุรกิจด้านนี้ดีมั้ย แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำ เพราะจอยรู้สึกว่าเรายังไม่ชำนาญพอ เรายังไม่สามารถหาผลวิจัยมารับรองไม่ได้ เราก็เลยลองมาดต่อไปูว่า เราก็ชอบสปานะ เพราะสปาก็ถือเป็นการดูแลตัวเองอย่าหนึ่ง ประกอบกับตอนนั้นเรามาเห็นช่องทางทางธุรกิจว่า ปกติคนจะเล่นสปาก็ต้องไปตามดรงแรมเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งก้ค่อนข้างแพง ดังนั้นจอยเลยคิดว่าจะมาทำธุรกิจสปา โดยเน้นให้เป็นสปาสำหรับคนทำงาน คนรักสุขภาพ ที่ราคาปานกลาง ฉีกภาพจากสปาในแบบเดิมๆ จนกระทั่งเกิดเป็น Zense of Joy

แต่ แม้ว่าสาวจอยจะงานรัดตัวยังไง เธอก็ยังไม่ลืมหันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างสมำ่เสมอ นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆเพื่อช่วยให้ผิวสวยใสแล้ว ยังรวมถึงเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกายด้วย



ใส่ใจตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆจากการกิน

เรื่อง กินเป็นเรื่องแรกที่เราต้องดูแล เพราะเราอายุมากขึ้นระบบขับถ่ายอาจไม่ดีเหมือนก่อน อย่างแรกเราต้องกินดี กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เริ่มจากง่ายๆอย่างเช่น ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ซึ่งแต่ก่อนจอยก็ไม่ชอบเพราะรู้สึกว่ารสชาติไม่อร่อย แต่เราต้องมาคิดว่าในข้าวกล้องมีไฟเบอร์เยอะ มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรืออย่างของทอด แต่ก่อนเราชอบซื้อกินตามริมถนน โดยทีี่ไม่ทันคิดว่าน้ำมันที่คนขายนำมาทอดดมันสกปรกหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง จอยจะพยายามเลือกกินอาหารที่สะอาด หรือไม่ก็ทำอาหารมาจากบ้าน

ความสุขจากการได้ใช้ชีวิตที่มีความสุข
ระหว่าง สนทนาจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องว่วนตัว ทุกคำตอบและการตอบคำถามของคุณจอย จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมอ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้สาวจอย มีรอยยิ้มได้ตลอดเวลา

ความ สุขของจอย คือ การได้ใช้ชีวิตที่ีความสุข ได้สร้างสรรค์อะไรที่มีประโยชน์ อย่างทุกวันนี้ที่จอยยังมีแรงทำงาน มันไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว แต่มันคือความภูมิใจว่าอย่างน้อยเราได้สร้างงานให้กับ 100 คน 100 ครอบครัว สามารถทำอะไรเพื่อคืนกลับไปสู่วงการได้ ความรู้ที่เรามีสามารถทำให้เกิดมิติใหม่ของสปา จากที่เราเป็นนางแบบธรรมดาคนนึง แต่วันนี้เราสามารถสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองได้ ซึ่งมันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง

ชีวิตคนเราก็เหมือนแชปเตอร์ของหนังสือ
ถ้า ถามว่าจอยพอใจกับชีวิตทุกวันนี้หรือยัง ต้องบอกว่าพอใจในส่วนหนึ่ง เพราะชีวิตคนเราก็เหมือนแชปเตอร์ต่างๆในหนังสือ มีหน้าที่ต้องเปิดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจอยก็ยังหวังว่าตัวจอยเองจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้จอยยังรู้สึกว่าเรายังเหมือนอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น