เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ในเวลางาน: เป็นคนตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง เพื่อให้งานนั้นๆ สำเร็จได้อย่างราบรื่น (ท้อแท้บางในบางครั้ง), นอกเวลางาน: ง่ายๆ สบายๆ ชอบท่องเที่ยว ปาร์ตี้สังสรร เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง อารมณ์ขัน ยิ้มเก่ง (โดยเฉพาะตอนเริ่มกึ้มๆ แล้วอ่ะ 555)

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

ตู้เย็นสะอาดเอี่ยม ...ต้องมีเทคนิค

ตู้เย็น

ตู้เย็นสะอาดเอี่ยม...ต้องมี เทคนิค (Lisa)

          อาหารในตู้เย็น ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลา ควรเก็บรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ การทำความสะอาดตู้เย็นก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีเสมอไป เรามีเคล็ดลับให้คุณค่ะ

          ทำความสะอาดให้ทั่ว ก็จะช่วยรักษาอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ เริ่มกันที่เปิดตู้เย็นออกเพื่อให้กลิ่นต่าง ๆ กระจายออกไป ไม่ว่าจะมีอาหารเหลือในตู้เย็น หรือไม่ก็จำเป็นต้องทำความสะอาดตู้เย็นเดือนละครั้ง ก่อนที่กลิ่นไม่พึงประสงค์จะติดตรึงในตู้เย็น เอากระดาษวางและแยกแยะสิ่งของในตู้เย็น อะไรที่ขึ้นรา หมดอายุก็ทิ้งไปซะ อย่าเสียดายของ

          ก่อน ที่จะเริ่มทำความสะอาดตู้เย็น จะต้องละลายน้ำแข็งเสียก่อน หากตู้เย็นของคุณยังเป็นแบบเก่าอยู่ หรือตั้งอุณหภูมิที่เลข 0 จากนั้นใช้สบู่เหลวล้างตู้เย็น และเช็ดด้วยน้ำส้มสายชูเพราะน้ำส้มสายชูจะช่วยฆ่าเชื้อโรค หากต้องการรักษากลิ่นในตู้เย็นให้สดชื่นก็ใช้ผงฟูใส่ชามเล็ก ๆ ตั้งทิ้งไว้ ที่สำคัญก็คือ อย่าใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดตู้เย็นที่แข็งกระด้าง เพราะจะทำให้ตู้เย็นเกิดรอยขีดข่วนและจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค

          ควรทำความสะอาดด้านหลังตู้เย็นอย่างน้อย ที่สุดปีละครั้ง หากมีฝุ่นเกาะก็ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก หรือใช้ไม้แปรงเล็ก ๆ ปัดฝุ่นและหยากไย่ออก

          ใส่ของใหม่ไว้ด้านในสุด เพื่อให้สิ่งของในตู้เย็นสะอาดนาน ๆ และเพื่อป้องกันเชื้อราก่อหวอดในตู้เย็น จึงควรเก็บของใหม่ไว้ด้านในสุดเสมอ และอย่าใส่ของเต็มล้นตู้เย็น เพราะจะทำให้ความเย็นไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะในช่องแข็งหากมีของมากก็จะยิ่งกินไฟมากขึ้น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Small Room Big Space

ใครๆ ก็อยากมีพื้นที่กว้างทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่ความจริงมักตรงกันข้าม
Small Room Big Space
1. ช่องแสงบนผนังเหนือทางเดินทําให้บริเวณที่คับแคบดูกว้างขึ้น
ไม่ว่าจะอยู่บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียมหรือที่อยู่อาศัยประเภทไหนก็ตาม บ่อยครั้งจึงเกิดเป็นปัญหาพื้นที่ใช้สอยไม่เพียงพอมาให้คุณปวดหัว H D มี 5 ขั้นตอน ในการตกแต่งบ้านเพื่อให้รับมือกับพื้นที่จํากัดได้อย่างมีความสุข

แบ่ง-ปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้
แม้ ว่าพื้นที่จะเล็ก แคบ แบบไหนก็ตาม ลองกําหนดฟังก์ชันทั้งหมดที่คุณต้องใช้งานใส่กระดาษเอาไว้ แล้วจัดหมวดหมู่ว่าอะไรที่สามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้บ้าง อาทิ ครัวกับโต๊ะอาหารแทนที่จะแยกกันก็ทําเคาน์เตอร์ครัวให้ยาวอีกหน่อยเพื่อเป็น โต๊ะอาหารในตัว ใช้ฉากกั้นหรือบานเฟี้ยมเพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ในกรณีที่ต้องการความเป็น ส่วนตัว

เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีมากกว่า 1 ฟังก์ชัน
เดี๋ยว นี้เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในบ้านมีให้เลือกหลากหลาย ควรเลือกที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานหรือมีฟังก์ชันมากกว่า 1 อย่าง เช่น โซฟาที่พับพนักพิงกลายเป็นที่นอนได้ เก้าอี้ที่มีช่องใส่หนังสือ โต๊ะอาหารที่มีลิ้นชักสําหรับเก็บผ้ารองจาน โต๊ะกาแฟที่มีช่องเก็บหนังสือเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บของมากยิ่งขึ้น

เลือกวัสดุตกแต่งสีอ่อน
ไม่ ว่าจะเป็นกระเบื้อง ไม้ พรม ผ้าม่าน แผ่นลามิเนตปิดผิวเฟอร์นิเจอร์หรือจะวัสดุใดก็ตาม ควรเลือกสีที่ไม่เข้มจนเกินไปเพราะจะทําให้ห้องดูคับแคบมากขึ้น อาจเลือกสีขาว สีครีมหรือสีโทนน้ำตาลอ่อนๆ สลับกับการใช้วัสดุตกแต่งสีเข้มบ้างก็ได้ เช่น ห้องนั่งเล่นชั้นล่างปูพื้นกระเบื้องหรือหินอาจจะปูพรมสีเข้มเพื่อไม่ให้ รู้สึกเย็นเท้ามากเกินไป

ใช้แสง-สีให้ห้องดูกว้างขึ้น
แสง ธรรมชาติจะช่วยให้ห้องของคุณดูสว่างและกว้างขึ้นอย่างง่ายดาย แต่ต้องเปิดรับแสงสะท้อนหรือแสงที่ไม่ร้อนจากทางทิศเหนือและทิศตะวันออกจะดี ที่สุด การใช้สีหรือแถบสี เพื่อตกแต่งห้อง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ห้องที่แคบดูกว้าง โดยการใช้สีโทนเย็นในพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง เช่น เพดาน ผนัง หรือพื้น ส่วนอีกวิธีที่ง่ายก็คือ การใช้กระจกเงาเพื่อสะท้อนภาพให้ห้องดูกว้างขึ้นเช่นกัน

บิลท์อินคือคําตอบ
หาก พื้นที่บนผนังห้องยังว่างอยู่ ลองพิจารณาการทําตู้และชั้นเก็บของต่างๆ แบบบิลท์อินดูบ้าง ในปัจจุบันราคาไม่แพงอย่างที่คิดแล้ว เพราะวัสดุที่ใช้มาบิลท์อินไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง วัสดุปิดผิวและฟิตติ้งมีหลายประเภทหลายเกรดให้เลือกใช้ และเพื่อให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่ควรทําบิลท์อินสูงถึงเพดาน ถ้ากลัวไม่เรียบร้อยก็ให้ทําประตูบานเลื่อนหรือบานเฟี้ยมปิดไว้เมื่อไม่ได้ ใช้งาน
Small Room Big Space
2. พื้นที่ใต้อ่างล้างหน้าและเหนือโถสุขภัณฑ์ทําเป็นตู้และชั้นวางของใช้จุกจิก ในห้องน้ำ / 3. ผนังบานเลื่อนกระจกเงาช่วยปิดตู้เสื้อผ้าที่ดูไม่เรียบร้อยและยังช่วยให้ ห้องดูกว้างขึ้นได้ / 4. ผนังที่บิลท์อินเป็นตู้เก็บหนังสือทําให้ใช้พื้นที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด / 5. การเลือกวัสดุตกแต่งสีขาวทําให้โต๊ะทํางานที่อยู่ติดผนังไม่ดูอึดอัด
Small Room Big Space

ไอเดียดีๆ เพิ่มพื้นที่ภายในบ้าน

1.ร่องระหว่างผนังก่ออิฐโชว์แนวใช้เป็นที่เก็บซีดีได้
2.เจาะผนังหัวเตียงให้ลึกเข้าไปกลายเป็นที่วางโคมไฟหรือหนังสือ
3.ซอกมุมเล็กๆ ถ้าทําตู้ก็ดูคับแคบ แค่หาตะกร้าใบเล็กมาวางก็เป็นที่เก็บของได้
4.ผนังห้องครัวที่ว่างอยู่ ติดตั้งราวแขวนอุปกรณ์และแม่เหล็กเพื่อเก็บมีดและอุปกรณ์โลหะ
5.มุมดูหนังในห้องนอน ใช้บานหน้าต่างเก่าเป็นฉากกั้นเพื่อแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจน
มาดูเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสําหรับ
ห้อง ขนาดเล็กดีกว่า ของที่เลือกมานี้นอกจากจะทําให้ห้องของคุณไม่อึดอัดแล้ว บางชิ้นยังเพิ่มพื้นที่เก็บของและแบ่งพื้นที่การใช้งานให้สะดวกขึ้นด้วย
Small Room Big Space
A. ฉากกั้น Harmann สีขาว ทําจาก Mdf ราคา 9,980 บาท โทร. 0-2234-0230
B. ฉากกั้น จาก D 360 ทําจากแผ่นไม้ดัดโค้ง ราคา 27,000 บาท โทร. 0-2618-7970
C. Poe Jung เป็นทั้งโคมไฟ ฉากกั้น และที่เสียบซีดี จาก Yen Design โทร. 0-2215-0597
D. Nara Coffee Table โต๊ะกลางทําจากไม้ไวท์โอ๊ก มีช่องสําหรับเก็บนิตยสาร จาก Philos สอบถามราคาได้ที่ โทร. 0-2979-2731
E. Multy เก้าอี้นั่ง ด้านข้างที่เท้าแขนดีไซน์เป็นช่องใส่หนังสือ สอบถามราคาได้ที่ โทร. 0-2690-5046
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Home & Decor

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เตือนภาษีที่ดิน ดาบ2คม รบ.ต้องรอบคอบ

Pic_22174

ดร.โกร่งชี้ กม.ภาษีที่ดินซึ่ง รมว.คลังเตรียมชง ครม.อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากกว่าเป็นธรรม พร้อมสอนมวยหน้าที่ภาษี ด้านอดีตนายกฯ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยหวั่นคนซื้อบ้าน-อสังหาฯ แบกภาระพิ่ม...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในเดือน ส.ค.นี้ นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกรรวงการคลัง เตรียมเสนอหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ... เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหลัก การของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีโรงเรือน และที่ดินเดิมซึ่งมีมากกว่า 12 ฉบับให้ชัด เจนขึ้นจากที่แยกย่อยมากกว่า 34 อัตรา เหลืออยู่เพียง 3 อัตราเท่านั้น ประกอบด้วย

1. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์ มีเพดานการจัดเก็บไม่เกิน 0.5% เช่น ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างราคา 1 ล้านบาท เสียภาษีในอัตราสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อปี

2. ภาษีที่อยู่อาศัยซึ่งไม่ได้ใช้เชิงพาณิชย์ มีเพดานจัดเก็บไม่เกิน 0.1% เช่น ราคา 1 ล้านบาท เสียภาษีในอัตราสูงสุด 1,000 บาท

3. ภาษีสำหรับที่ดินเกษตรกรรมจัดเก็บภาษีไม่เกิน 0.05% เช่น ราคาที่ดิน 1 ล้านบาท เสียภาษี 500 บาทต่อปี

สำหรับ ที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ กำหนดให้ ต้องเสียภาษีไม่เกิน 0.5% โดยเก็บเป็นลักษณะภาษีก้าวหน้า โดยภายใน 3 ปีถัดไป หากไม่ทำประโยชน์อีก จะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่สูงสุดได้ไม่เกิน 2% ของฐานภาษีหรือราคาประเมิน

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้สร้างภาระกับประชาชนมากเกินไป และเผื่อเวลาให้กรมธนารักษ์ดำเนินการประเมินราคาที่ดินใหม่ทั่วประเทศ 30 ล้านแปลงให้เสร็จสิ้น เมื่อกฎหมายผ่านการพิจารณาจากรัฐสภา กระทรวงการคลังก็ยังมีการตราบทเฉพาะกาลยกเว้นการบังคับใช้ไว้ก่อน 2 ปี ก่อนเริ่มใช้จริงในปีที่ 3

และเมื่อเริ่มบังคับใช้จริงในปีแรกยัง กำหนดข้อผ่อนปรนเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ไม่เคยเสียภาษีที่ดินและโรงเรือนมา ก่อน หรือเสียเพิ่มจากที่เคยต้องเสียในช่วงก่อนหน้าให้เสียภาษีเพียง 50% ของภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มปีที่ 2 เพิ่มเป็นเสียภาษี 75% และปีที่ 3 เป็นต้นไปจึงจะเสียเต็มจำนวนหรือเสียภาษีเต็ม 100%

ด้านนายวีรพงษ์ รามางกูร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า การนำเอาภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งก็คือ ภาษีทรัพย์สินและมรดกมาใช้ภายใต้ข้อกำหนดที่เพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีขึ้น เป็นสิ่งที่น่าจะต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบด้าน การอธิบายเหตุผลว่า ภาษีนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้ให้รัฐ ไม่ใช่เป็นรายได้ของรัฐบาลกลาง หากแต่ต้องการให้เป็นรายได้ของท้องถิ่นเอาไว้พัฒนาท้องถิ่นตน ที่สำคัญยังเป็นไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมนั้น อาจจะฟังดูดี แต่ในข้อเท็จจริง หากภาษีนั้นสร้างความยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บมาก หรือเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ทุจริตได้ง่าย หรือทำให้คุ้มค่าที่จะเลี่ยง และหนีภาษี แทนที่จะสร้างความเป็นธรรมในสังคมอย่างที่ตั้งใจ ก็อาจจะสร้างความไม่เป็นธรรมให้มากขึ้นแทน

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าวต่อว่า ยิ่งถ้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ทำให้ เกิดการเสียเปรียบในการแข่งขัน และทำลายประสิทธิภาพในการผลิต และเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวในทางเศรษฐกิจ ตลอดจนทำลายแรงจูงใจในการออม ภาษีชนิดนี้ก็ไม่ควรมีการจัดเก็บ ยิ่งถ้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวมีการปรับปรุงทั้งฐานภาษี และอัตราภาษีให้สูงขึ้น ก็น่าจะสร้างปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งในด้านจุดมุ่งหมาย และในแง่ของการปฏิบัติ

"ภาษี ควรทำหน้าที่อย่างเดียว คือ สร้างรายได้เพื่อให้รัฐสามารถนำรายได้นั้นไปจัดการสร้างระบบสาธารณูปโภคแก่ ประชาชนในประเทศ หรือทำอย่างไรให้ความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนไม่แตกต่างกันมาก ในสมัยที่สังคม นิยมกำลังพัดแรง หลายคนมีความคิดที่จะใช้ ภาษีอากรเป็นเครื่องมือในการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในด้านรายได้และ ทรัพย์สิน แต่ถึงวันนี้ ความคิดแบบเก่าเหล่านั้นเปลี่ยนไปแล้ว และสำคัญน้อยกว่าความแตกต่างทางด้านความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิต" นายวีรพงษ์ กล่าว และว่า ผลของการจัดเก็บภาษีนี้ อาจจะทำให้มีผู้คนบางกลุ่มบางเหล่า ไม่มีความสามารถในการเสียภาษี เพราะผลตอบแทนของที่ดิน หรือทรัพย์สินมีอัตราต่ำกว่าภาษี ก็อาจจะถูกทางการฟ้องร้องบังคับขาย เพื่อนำเงินมาชำระภาษีได้

นัก เศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าวอีกว่า ที่สำคัญคือ อัตราภาษีที่สูงเกินไป อาจจะทำให้คนในเมืองต้องแบ่งแยกกันอยู่ เป็นย่านคนรวย กับย่านคนจน เหมือนอย่างในต่างประเทศ หรือเมืองใหญ่ๆหลายแห่ง ซึ่งรัฐบาลหลายประเทศอยากจะเลิก และก็ทยอยเลิกใช้กฎหมายแบบเดียวกันนี้ไปแล้วจำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ภาษีที่ดิน ทรัพย์สิน หรือสิ่งปลูกสร้างที่สูง อาจจะทำให้ราคาทรัพย์สิน หรือราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาลดลง เพราะอย่างที่บอก ถ้าเจ้าของที่ดิน ทรัพย์สิน หรือสิ่งปลูกสร้างไม่มีความสามารถในการเสียภาษี เนื่องจากผลตอบแทนในที่ดิน และทรัพย์สินนั้นๆ ต่ำกว่าอัตราภาษี เจ้าของก็จะต้องประกาศขายทรัพย์สินที่มีในมือออกไป ถ้าไม่รีบขาย รัฐก็อาจเข้ามายึด เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคาย่อมต้องลดลง ปัญหายังมีอยู่ด้วยว่า ถ้าจะต้องใช้เจ้าพนักงานในการประเมินประเภทที่ดิน ขนาดของที่ดิน และการใช้ประโยชน์ ของที่ดินแล้วล่ะก็ โอกาสที่เจ้าพนักงานจะมีความผิดพลาดทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ จะมีอยู่สูงมาก ทีนี้คนที่รับกรรมก็คือ ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน และทรัพย์สินนั้น

นายวีรพงษ์ยัง กล่าวด้วยว่า คนมีมรดกก็จำเป็นจะต้องสละมรดก เพราะเวลาที่พ่อแม่ตาย ทรัพย์สินต่างๆ ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ จะต้องมาตีมูลค่าทรัพย์สินเพื่อเสียภาษีให้แก่รัฐ ทีนี้ ถ้าพ่อแม่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีที่ทำกันมาจากครัวเรือนหลายชั่วอายุคน บรรดาลูกๆหลานๆที่รับมรดกหรือมีสิทธิได้รับมรดกตกทอดก็ต้องขายออกไป แล้วไปเป็นลูกจ้างเขาดีกว่า อย่างที่กล่าวไว้ว่า เมื่อมีการขายทรัพย์สิน หรือที่ดินออกมา ราคาก็จะต้องลดลง บางคนอาจจะมองว่าเป็นของดี แต่หลายคนก็มองว่า ไม่เป็นผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถาบันการเงินในระบบทุนนิยมเสรี เพราะจะทำให้หลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินด้อยค่าลงไป

"คน ที่เคยเชื่อมั่นในที่ดินว่าเป็นทรัพย์สินที่คุ้มค่าในการลงทุน จะเจ๊งกันเป็นแถว ทุกคนในระบบทุนสามานย์ที่เป็นที่น่ารังเกียจนี่แหละ จะเจ๊งกันหมด ไม่มีใครเหลือรอด เพราะภาษีนี้" นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าว

นาย วีรพงษ์ กล่าวต่อว่า ความคิดในการพิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดิน ภาษีทรัพย์ และภาษีมรดกนี้ มีมานานแล้ว แต่เมื่อพิจารณาถึงผลดีผลเสียทุกด้านแล้ว รัฐบาลในยุคที่ผ่านมา จึงได้ออกกฎหมายเก็บภาษีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในอัตราที่ค่อนข้าง สูงแทน อย่างไรก็ตาม ผู้ถืออสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินบ้านช่อง คอนโดมิเนียม ถ้าไม่ขายไม่โอนกรรมสิทธิ์ ก็เสียภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีโรงเรือนในกรณีให้เช่าไป แต่ถ้าขายก็จะต้องเสียภาษีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในอัตราก้าวหน้า ยิ่งเป็นพวกที่ซื้อมาขายไป หรือถือครองกรรมสิทธิ์ในระยะเวลาสั้นๆ ก็เสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น ผู้เสียภาษีก็ไม่เดือดร้อนว่าจะไม่มีเงินเสียภาษี เพราะไปเสียภาษีตอนที่ขาย ซึ่งได้เงินจากการขายอยู่แล้ว

นัก เศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการกับการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีโรงเรือนให้มีประสิทธิภาพ และจัดเก็บอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รัฐ และท้องถิ่นก็จะมีรายได้จำนวนไม่น้อยในแต่ละปีนำไปพัฒนาประเทศให้ประชาชนมี คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีได้ ดูได้จากภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่เก็บจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแม้รัฐจะมีมาตรการลดอัตราภาษีให้ แต่รัฐก็จัดเก็บภาษีนี้ได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ภาษีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งนำมาใช้แทนการเก็บภาษีทรัพย์สิน หรือภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่กำลังพูดถึงกันอยู่ ซึ่งต้องจ่ายเป็นรายปีนี้ มีข้อดีก็คือ ในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู จะมีการซื้อขายที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์กันมาก ภาษีก็เก็บได้มาก เท่ากับเป็นการดึงเศรษฐกิจไว้ไม่ให้ร้อนแรง ตรงกันข้ามในขณะที่เศรษฐกิจซบเซา การซื้อขาย หรือการโอนกรรมสิทธิ์มีน้อย ภาษีจากการขายอสังหาริมทรัพย์ก็น้อยลง ไม่เป็นการดึงให้เศรษฐกิจซบเซาลงไปอีก

นพ.สมเชาว์ ตัณฑเทอดธรรม อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ตั้งข้อสังเกตว่าปัจจุบันคนไทยต้องซื้อที่อยู่อาศัยแพง อยู่แล้ว เพราะผู้ประกอบการต้องแบกรับภาษีในการทำธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารชุดประมาณ 20% ของราคา หากยังต้องแบกรับภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายปีนี้อีก จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ผู้ซื้อบ้านต้องรับภาระเพิ่มขึ้น

ขณะที่ ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริษัท อนันดาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เห็นด้วยว่ากฎหมายจะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้สังคมและเกิดการกระจายรายได้ ทำให้เจ้าของที่ดินหรือ "แลนด์ลอร์ด" ต้องหาทางใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่ โดยเฉพาะในส่วนตึกร้าง ที่ดินรกร้างว่างเปล่าต่างๆ ที่ต่อไปจะถูกบีบบังคับให้มีการนำกลับมาใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น

อย่าง ไรก็ตาม ในส่วนของวิธีการจัดเก็บภาษีที่ดินนั้น มีความเป็นห่วงว่ารัฐจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรม เพราะแม้ในหลักการจัดเก็บภาษีที่ดินจะจัดเก็บจากทุกคนเหมือนกันหมด แต่ก็เกรงว่าจะเกิดปัญหาที่ผู้แบกรับภาระในชั้นสุดท้าย จะกลายเป็นผู้มีรายได้น้อย นอกจากนี้ ในส่วนสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของโครงการนั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้แบกรับภาระ ใครจะต้องเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะผลักภาระไปให้ลูกบ้านหรือนิติบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องพิจารณาให้ดี

นายสมบูรณ์ ฉายาวิจิตรศิลป์ ประธานกรรมการบริษัท สมหรรษา จำกัด ตั้งข้อสังเกตว่า การปรับระบบภาษีที่ดินให้ชัดเจนเริ่มทำตอนนี้ดีกว่าไม่ทำเลย เพราะจะทำให้ทุกคนมีความเข้าใจมากขึ้น ทั้งในส่วนของคนที่เคยจ่าย และยังไม่เคยจ่ายภาษีมาก่อน แต่อาจจะไม่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม มองว่าภาษีที่ดินใหม่ จะทำให้เกิดการหมุนเวียนที่ดีขึ้น ในวงการอสังหาริมทรัพย์ มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น และทำให้แนวโน้มราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งก่อให้เกิดการหมุนเวียน การพัฒนาที่ดินมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจประเทศโดยรวมมากกว่า

ประธาน กรรมการบริษัท สมหรรษา กล่าวต่อว่า การประเมินราคาที่ดินทุกปีเพื่อเสียภาษีที่ดิน จะทำให้ แนวโน้มราคาที่ดินในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา รัฐต้องพิจารณาอัตราการเก็บภาษีที่ดินที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ราคาที่พุ่งขึ้นเร็วเกินไป ควรจะดูแลให้การปรับขึ้นเป็นไปตามการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ ส่วนข้อเสียของ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินใหม่ ทำให้คนที่ไม่เคยมีที่ดินมาก่อน ต้องซื้อบ้าน และที่ดินในราคาแพงขึ้น ขณะที่มีคนส่วนหนึ่งที่มีบ้าน มีที่ดิน ต้องรับภาระภาษีเพิ่มขึ้น แต่จุดนี้คงไม่ทำให้ยอดขายบ้านที่ดิน หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ลดลง เพราะคงไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อ หรือไม่ซื้อ

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ศุกร์สบาย

Pic_19972

ศุกร์สบาย ศุกร์นี้แม้ไม่มีวันหยุดยาว ให้อิ่มหนำแต่ก็มีกิจกรรมดีๆมาแนะนำกันเช่นเคย...

ใส่ใจสุขภาพ


ความ ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ หมั่นดูแลเช็กสุขภาพกันเถอะ...มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนี (พอ.สว.) จัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตวันที่ 18 ก.ค. ด้วยการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พอ.สว.ออกบริการประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าใน 44 จังหวัด และโครงการรณรงค์รักษาโรคตาต้อกระจก โดยให้การผ่าตัดแก่ผู้ป่วยในวันที่ 20-21 ก.ค. ที่ รพ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ...โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดงาน "เพื่อหัวใจ คนไทยสบายดี ปี 2" พบกับโปรแกรมตรวจสุขภาพหัวใจครบสูตร ในราคา 3,990 บาท จนถึงวันที่ 15 ส.ค. สอบถามได้ที่ 1719 ...สถาบันทันตกรรม โรงพยาบาลปิยะเวท และศูนย์สุขภาพองค์รวมและสปา จัดสัมมนาเรื่อง "ฝังรากฟันเทียม...วิวัฒนาการช่วยไม่ให้เหงือกยุบ" ในวันที่ 18 ก.ค. เวลา 09.00 น. เข้าฟังฟรี ที่ห้องประชุมชั้น 4 ตรัยา รพ.ปิยะเวท...โรงพยาบาลบีเอ็นเอช จัดกิจกรรม "ร่วมโครงการห้องเรียนคุณแม่" รับปรึกษาปัญหาต่างๆ ในวันที่ 18 ก.ค. เวลา 08.00-16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 7.

หนังสือน่าอ่าน


เติม อาหารสมองด้วยหนังสือดีๆ ที่มีให้เลือกตามรสนิยมเริ่มด้วย 34 วิธีคิด พลิกชีวิตสู่ความสำเร็จ ของ สมิต อาชวนิจกุล คู่มือสำหรับผู้ปรารถนาที่จะไปสู่ความสำเร็จในชีวิต...เพลินกับนวนิยายสนุก มนตราอธิษฐาน ของ ไอศิยา เรื่องราวของหนุ่มสาวที่ผูกพันมาแต่กาลก่อน...ส่วน ปรายรักรินใจ ของ กรมาศ เรื่องราวของหญิงสาวที่โลกเล่นตลกชักนำให้มาพบกับหนุ่มแปลกหน้า...หัวใจตัด กันที่สวิสฯ ของ ปณุรสา ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่สวยงาม...แซ่บ idol เกาหลี แผนลับจับ idol ของ เจเจ้ลี เฮฮาปาจิงโกะไปกับภารกิจลับตามจับเหล่า idol ชื่อดัง...นวนิยายแปล มามะฉันจะช่วยเธอ มีถ้อยคำง่ายๆ แต่พูดแล้วได้ใจของทุกคน ...ฟาลเซโร่ แฟนตาซี เรื่องราวสนุกของเอกิส องค์รัชทายาทแห่งแดนปีศาจ...ปิดท้ายด้วยหนังสือของคนรักการท่องเที่ยว ท่องกรีซ โดย เรือใบสองสี พาลัดเลาะล่องกรีซได้ทุกมุม.

บํารุงผิวพรรณ


ดูแล สุขภาพผิวพรรณกันด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีให้เลือกตามปัญหาที่ต้องการแก้ไข อาทิ ลาแมร์ LA– MER เอาใจสาวๆ ให้สวยครบเซตด้วยชุดปรนนิบัติผิวสุดหรู ลิมิเต็ดเอดิชั่น ประกอบด้วย ครีม เดอ ลา–แมร์, มอยส์เจอร์ไรซิงส์ โลชั่น, อายครีม, โลชั่นล้างหน้า ฯลฯ.....ลาแพรรี่ (la prairie) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย ADVANCED MARINE BIOLOGY DAY CREAM SPF20 ปกป้องผิวหน้าให้พ้นจากการรุกรานทุกรูปแบบในสภาพแวดล้อม ด้วยสารสกัดจากท้องทะเล......ลังโคม LANCOME ค้นพบการฟื้นฟูโปรตีนแห่งความอ่อนเยาว์ภายในผิว ที่จะช่วยให้ผิวกลับมีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ดูเปล่งปลั่งด้วย GENIFIQUE YOUTH ACTIVATOR ....... นุกซ์ (NUXE) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากธรรมชาติชั้นนำของฝรั่งเศส ชวนสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมแห่งธรรมชาติ Huile Prodigieuse ออยล์ใสบริสุทธิ์ บำรุงผิวหน้าผิวกายและเส้นผม ช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและเส้นผม Etincelante ครีมและเซรั่มบำรุงฟื้นฟูผิวสำหรับกลางวันที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ และเสริมสร้างการผลิตเซลล์ที่กระจ่างใส......นูโทรจีนา Neutrogena เผยนวัตกรรมใหม่ไข 8 ต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ เพื่อผิวขาวกระจ่างใสด้วยชุดผลิตภัณฑ์ Neutrogena Fine Fairness 8 Decode Technology.....บู๊ทส์ Boots นำ Boots No7 Protect &Perfect Intense Beauty Serum ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีในประเทศอังกฤษ มาให้สาวไทยได้สัมผัสผลลัพธ์แห่งการลดเลือนริ้วรอยให้แลดูจางลง.






ช็อปปิ้งรับหน้าฝน


หลบ ฝนมาหาซื้อของใช้ที่ถูกใจกันดีกว่า...เซ็นทรัล ชวนเติมความสุนทรีย์ให้กับทุกมื้ออาหาร ในรายการ "Central Table Top Decoration 2009" แนะนำสินค้าคอลเลกชั่นเครื่องใช้ประดับโต๊ะอาหาร ในหมวดจาน ชาม แก้วน้ำ ฯลฯ พร้อมข้อเสนอพิเศษสุด จนถึงวันที่ 22 ก.ค. ที่แผนกเครื่องแก้ว ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาและเซน...นักสะสม Movie Character มีเฮ เมื่อห้างสรรพสินค้าเดอะ มอลล์ จับมือนักสะสมกว่า 100 คน จัดงาน "The Legend of Sci-Fi Fantasy 2009" พบกองทัพของสะสม Movie Character ยอดฮิตจากนักสะสมกว่าหมื่นชิ้น พร้อมร่วมประมูล เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้แก่เด็กด้อยโอกาส แวะไปตื่นตาตื่นใจได้ที่ MCC HALL ชั้น 4 เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน จนถึงวันที่ 19 ก.ค. ...สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ จัดมหกรรมเซลส์ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปี ในงาน "สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ช็อป มาราธอน" พบกับโชค 7 ชั้นยิ่งช็อปยิ่งคุ้ม กับส่วนลดตั้งแต่ 50-80% จนถึงวันที่ 19 ก.ค. เฉพาะวันที่ 17-18 ก.ค. เปิดให้ช็อปจนถึงเที่ยงคืน!...

โขมพัสตร์ ผู้จำหน่ายผ้าไทยพิมพ์มือ ลดราคาพิเศษ 20-50% ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.-8 ส.ค. ที่ร้านถนนนเรศ สี่พระยา ติดกับโรงพักบางรัก และสาขามิราเคิลมอลล์ ปากซอยสุขุมวิท 41 ยกเว้นวันอาทิตย์... จีอาร์ไอ จัดรายการ End of Season Sale ลดสูงสุด 50% สินค้าแบรนด์ดังของไนน์เวสท์, คาเรน มิลเลน, อีคิว ไอคิว, เอเค แอนไคลน์, โจนแอนด์เดวิด, ลัคกี้แบรนด์ยีนส์, ไอซอด, สตีฟ แมดเด้น และเอนโซแอนจิโอลินี ที่ช็อปทุกสาขาจนถึงสิ้นเดือนนี้...เวอร์ซาเช่ จัดรายการ "VERSACE Final Reduction" มอบข้อเสนอพิเศษสุดพร้อมส่วนลด On Top สูงสุด 10% ที่ช็อป เวอร์ซาเช่ ชั้น M สยามพารากอน จนถึงสิ้นเดือนนี้...สเวนเซ่นส์ แนะนำแคมเปญใหม่ "Everyday is Sunday" โดยเสิร์ฟซันเดย์เมนูใหม่ที่ชวนลิ้มลอง โดยนำไอศกรีมหลากชนิดที่ชื่นชอบมาสรรค์สร้างเป็นเมนูแสนอร่อยได้อย่างลงตัว ในราคาเพียงถ้วยละ 49 บาท ถึงวันที่ 30 ก.ย.




ทีมข่าวสตรี

ความสุขคือการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

Pic_20175

เชื่อว่าหากเอ่ยชื่อของอดีตนางแบบชื่อดังอย่าง จอย-วราลักษณ์ วานิชย์กุล เด็กๆหรือวัยรุ่นหลายคนต้องทำหน้างง คิ้วขมวดกันเป็นแถว สาเหตุไม่ใช่เพราะเด็กๆกลุ่มนั้นไม่อัพเดทข่าวสาร หรือตัวคุณจอยเองที่ไม่โด่งดังพอ แต่เพราะที่ว่าคุณจอยเป็นนางแบบนั้น เธอเป็นนางแบบรุ่นแรกๆ หรือรุ่นบุกเบิกของเมืองไทยก็ว่าได้ แถมตอนนี้คุณจอยยังผันตัวเองออกมาเป็นนักธุรกิจสาว ดูแลธุรกิจสปาของตัวเอง ทำให้เธอหายหน้าหายตาจากวงการไปบ้าง

แต่ความสนใจของสาวจอยหาได้อยู่ ที่ความดังหรือไม่ดัง เพราะสิ่งที่น่าสนใจสำหรับสาวคนนี้ คือความเป็นสาวสุขภาพดี และมีความคิดในการใช้ชีวิต การทำงานที่น่าสนใจ และใหญ่เกินกว่าร่างผอมบางของเธออย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” จึงไม่พลาดชวนสาวจอยมาร่วมพูดคุย...

ก้าวแรกของเส้นทางแคททวอล์กไทย
-ตอน นั้นเรียนอยู่ ม.4 เราก็เป็นนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งเดินเล่นอยู่ พอดีไปเจอกับพี่คนหนึ่ง ด้วยความที่เขาเห็นหน้าเราแปลก ไม่่เหมือนใคร ที่สำคัญเราสูงโดดเด่นมาก เขาก็เลยชวนเรามาถ่ายแบบ ซึ่งสมัยนั้นต้องบอกว่าอาชีพนางแบบ็ยังไม่ค่อยบูม มีแต่นางแบบลูกครึ่ง ตัวก็ไม่สูงมาก เราเข้าไปก็เลยค่อนข้างเด่นด้วยความแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่น ตอนนั้นเราก็ถ่ายแบบเยอะนะ ถ่ายให้นิตยสารดังๆหลายฉบับ เราก็ทำไปเรื่อยๆนะ ไม่ได้คิิดอะไร ไม่ได้คิดว่าจะยึดอาชีพนางแบบเป็นอาชีพหลัก เพราะเรารู้อยู่ตลอดว่าความฝันของเราคืออะไรเราอยากเป็นอะไร



บันไดก้าวสำคัญ

ระหว่าง ที่เป็นนางแบบเราก็ยังมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นนักธุรกิจ จำได้ว่าช่วงนั้นก็มีคนมาทาบทามให้เราเดินแบบต่างประเทศ อย่างพวกดีไซเนอร์ดังก็อยากให้เราไปอยู่ปารีส แต่ตอนนั้นด้วยความที่เราเด็ก เราก็เลยตัดสินใจไม่ไป เพราะคิดอยู่ในใจเสมอว่า อาชีพนางแบบที่เราทำ เราก็ดูชอบนะ แต่มันไม่ใช่ส่วนลึกๆที่เราชอบมากที่สุด คืออาชีพนางแบบเป็นอาชีพที่เราสนุกสนาน ทำรายได้ให้เราได้ แต่เราอยากให้มันเป็นก้าวบันไดที่ดีของเรา และทำเป็นงานอดิเรก

เวลา ผ่านไปไวเหมือนโกหก แหวบเดียวเราเป็นนางแบบมา 23 ปีแล้ว จอยก็คิดว่าถ้าจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เราจะทำอะไรดี ตอนนั้นก็มีหลายโปรเจ็คเข้ามาในสมองมาก ซึ่งช่วงที่จอยเป็นนางแบบ ก็มีโอกาสได้ทำงานหลายด้านไปพร้อมๆกันด้วย ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกไวน์ ซึ่งจากตรงนั้นมันทำให้จอยรู้สึกว่า เนื้องานที่ทำมันค่อนข้างยาก เพราะมันเป็นอะไรที่นอกไปจากตัวเรา เราต้องไปติดต่อกับโรงแรม ติดต่อกับคนกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งเราไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ กระทั่งเรามาจับงานด้านประชาสัมพันธ์ที่ลา เพอร์ร่า ซึ่งเราต้องติดต่อคุยงานกับคนในแวดวงเดียวกัน ทำให้เวลาจะติดต่ออะไรก็ง่ายขึ้น จากตรงนั้นทำให้เราคิดเลยว่า ถ้าจะทำธุรกิจอะไรที่เป็นธุรกิจแรกในชีวิตของตัวเอง จะต้องเป็นธุรกิจอะไรท่ีเราชอบ ถนัด ทำแล้วมีความสุข



จากความชอบลอง มาสู่การลงมือจริง

เริ่ม แรกเลยเราอยากทำธุรกิจด้านสกินแคร์ เพราะปกติจอยเป็นคนชอบดูแลตัวเองมาก ชอบลองว่าครีมตัวไหนใช้แล้วดี ทำอย่างไรเพื่อให้ผิวใส จอยสนุกกับการเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆของผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆบนโลก ประกอบกับจอยเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ชอบลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เราคิดว่าถ้าเรากินดี ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีเนี่ย มันจะปกป้องตัวเองไปเลย 5 ปี 10 ปี สังเกตว่าคนสมัยนี้จะแก่ช้า เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น กินดีอยู่ดีมากขึ้น ครีมกระปุกเดียวช่วยให้หน้าตึงได้

ซึ่งจากตรง นั้น ก็ทำให้เราเริ่มคิดว่าเราจะมาทำธุรกิจด้านนี้ดีมั้ย แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำ เพราะจอยรู้สึกว่าเรายังไม่ชำนาญพอ เรายังไม่สามารถหาผลวิจัยมารับรองไม่ได้ เราก็เลยลองมาดต่อไปูว่า เราก็ชอบสปานะ เพราะสปาก็ถือเป็นการดูแลตัวเองอย่าหนึ่ง ประกอบกับตอนนั้นเรามาเห็นช่องทางทางธุรกิจว่า ปกติคนจะเล่นสปาก็ต้องไปตามดรงแรมเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งก้ค่อนข้างแพง ดังนั้นจอยเลยคิดว่าจะมาทำธุรกิจสปา โดยเน้นให้เป็นสปาสำหรับคนทำงาน คนรักสุขภาพ ที่ราคาปานกลาง ฉีกภาพจากสปาในแบบเดิมๆ จนกระทั่งเกิดเป็น Zense of Joy

แต่ แม้ว่าสาวจอยจะงานรัดตัวยังไง เธอก็ยังไม่ลืมหันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างสมำ่เสมอ นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆเพื่อช่วยให้ผิวสวยใสแล้ว ยังรวมถึงเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกายด้วย



ใส่ใจตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆจากการกิน

เรื่อง กินเป็นเรื่องแรกที่เราต้องดูแล เพราะเราอายุมากขึ้นระบบขับถ่ายอาจไม่ดีเหมือนก่อน อย่างแรกเราต้องกินดี กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เริ่มจากง่ายๆอย่างเช่น ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ซึ่งแต่ก่อนจอยก็ไม่ชอบเพราะรู้สึกว่ารสชาติไม่อร่อย แต่เราต้องมาคิดว่าในข้าวกล้องมีไฟเบอร์เยอะ มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรืออย่างของทอด แต่ก่อนเราชอบซื้อกินตามริมถนน โดยทีี่ไม่ทันคิดว่าน้ำมันที่คนขายนำมาทอดดมันสกปรกหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง จอยจะพยายามเลือกกินอาหารที่สะอาด หรือไม่ก็ทำอาหารมาจากบ้าน

ความสุขจากการได้ใช้ชีวิตที่มีความสุข
ระหว่าง สนทนาจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องว่วนตัว ทุกคำตอบและการตอบคำถามของคุณจอย จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมอ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้สาวจอย มีรอยยิ้มได้ตลอดเวลา

ความ สุขของจอย คือ การได้ใช้ชีวิตที่ีความสุข ได้สร้างสรรค์อะไรที่มีประโยชน์ อย่างทุกวันนี้ที่จอยยังมีแรงทำงาน มันไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว แต่มันคือความภูมิใจว่าอย่างน้อยเราได้สร้างงานให้กับ 100 คน 100 ครอบครัว สามารถทำอะไรเพื่อคืนกลับไปสู่วงการได้ ความรู้ที่เรามีสามารถทำให้เกิดมิติใหม่ของสปา จากที่เราเป็นนางแบบธรรมดาคนนึง แต่วันนี้เราสามารถสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองได้ ซึ่งมันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง

ชีวิตคนเราก็เหมือนแชปเตอร์ของหนังสือ
ถ้า ถามว่าจอยพอใจกับชีวิตทุกวันนี้หรือยัง ต้องบอกว่าพอใจในส่วนหนึ่ง เพราะชีวิตคนเราก็เหมือนแชปเตอร์ต่างๆในหนังสือ มีหน้าที่ต้องเปิดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจอยก็ยังหวังว่าตัวจอยเองจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้จอยยังรู้สึกว่าเรายังเหมือนอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น...

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปราชญ์การเงิน ใน‘ไซเบอร์สเปซ’

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทต่อชีวิตคน จนเรียกได้ว่าเปลี่ยนพฤติกรรมในการเรียนรู้ทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าจำนวน มากเลือกที่จะเปิดคอมพิวเตอร์เป็นอย่างแรกเมื่อถึงที่ทำงานหรือถึงบ้าน แทนที่จะเปิดหนังสือหรือเปิดโทรทัศน์เช่นเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา
พฤติกรรม ของนักลงทุนส่วนหนึ่ง ก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน จากเดิมที่นักลงทุนจะติดตามรายงานวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน หรือติดตามจากผู้รู้ที่เป็นที่ยอมรับในสังคม

นักลงทุนส่วนหนึ่งเลือกที่จะติดตามจาก Blog (หรือ Weblog ซึ่งเป็นบันทึกความคิดเห็นของผู้เขียนที่เรียกว่า Blogger ในเรื่องราวต่างๆ)

เมื่อมีคนนิยมเข้าไปดูมากๆ เขาก็มีการพูดถึง “ปากต่อปาก” Blog นั้นก็จะเป็นที่นิยม

ในบางครั้งสำหรับ Blog ที่มีผู้ติดตามมากๆ ผู้เขียนก็จะถูกยกระดับจนเปรียบเสมือน “ปราชญ์หรือกูรู” สำหรับผู้ที่เฝ้าติดตามความคิดเห็นต่างๆ อย่างใกล้ชิดทั้งหลาย

ปราชญ์อินเทอร์เน็ตรายหนึ่งที่ได้รับความนิยมถึงขนาดสร้างแรงสะเทือนให้กับตลาดการเงิน คือผู้ที่ใช้นามแฝงในสังคมอินเทอร์เน็ตว่า Minerva ซึ่งเป็นชื่อของเทพธิดาแห่งการค้าและความรอบรู้

เทพองค์นี้มีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตด้วย แต่ละบทความใน Blog ของ Minerva นี้มีผู้เข้าไปอ่านเกิน 1 แสนคนขึ้นไป รวมทุกบทความมีคนเข้าไปอ่านเกิน 40 ล้านครั้ง

Minerva โด่งดังยิ่งขึ้นหลังจากทำนายว่า Lehman Brothers จะล้มละลาย 5 วัน ก่อนหน้าที่บริษัทจะประกาศล้มละลายจริง

และยังได้ทำนายว่าค่าเงินวอนเกาหลีใต้จะอ่อนตัวอย่างรุนแรงเพียงไม่กี่วันก่อนที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น

จุดจบของ Minerva เกิดจากบทความของเขาในวันที่ 29 ธ.ค. 2551 ซึ่งระบุว่า รัฐบาล เกาหลีใต้สั่งห้ามธนาคารซื้อเงินเหรียญสหรัฐ ข่าวนี้ทำให้มีคนเทขายเงินวอนออกมาจำนวนมาก ทำให้ทางการต้องนำเงินสำรองทางการจำนวนถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มาพยุงค่าเงินวอนไม่ให้ดิ่งลงต่อ

และนำไปสู่การบุกค้น และจับกุม Minerva ในวันที่ 7 ม.ค. 2552 ด้วยข้อหาปล่อยข่าวลือที่ทำลายเสถียรภาพของระบบ โดยมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี

จุดจบของ Minerva นำไปสู่การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของกูรูรายนี้ ซึ่งก็คือ นายปาร์ก เด ซอง (Park Dae-Sung) อายุ 31 ปี คนตกงานที่ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว

นายปาร์ก เด ซอง จบการศึกษาด้านการสื่อสารจากมหาวิทยาลัยใน ต่างจังหวัดของเกาหลีใต้ และมีผลการเรียนไม่โดดเด่น สิ่งที่เขานำมาเขียนในบทความนั้นได้จากการอ่านหนังสือและท่องอินเทอร์เน็ต ล้วนๆ

บทเรียนที่ได้จากกรณี Minerva นั้น มีทั้งด้านดีและด้านมืด

ด้านดี คือ แสดงถึงบทบาทของการเรียนรู้ผ่านทาง Internet ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลฟรีที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้น หากใช้ให้เป็นก็จะได้ความรู้เช่นเดียวกับ Minerva ที่นำมาเขียนบทความและให้ผลการวิเคราะห์ที่นำไปใช้ได้จริง

ด้านมืด คือ ในบางครั้งผู้เขียนบทความก็ไม่เปิดเผยตัว ทำให้การนำข้อมูลไปใช้นั้นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูล (หรือในภาษาเน็ตที่ว่า AYOR-at your own risk)

นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางในการปล่อยข่าวลือ ที่ผู้ปล่อยสามารถหากำไรได้จากการปล่อยข่าวโดยเล็ดลอดจากการตรวจสอบของ ทางการ

สำหรับในประเทศไทยนั้น Pantip.com “ห้องสินธร” ก็มีข้อมูลค่อนข้างมาก แต่ต้องพิจารณาเรื่องที่มาและคุณภาพข้อมูลด้วย

Blog ที่ผมเห็นว่ามีคุณภาพคับแก้วที่พอแนะนำได้คือ http:// www.moneychannel.co.th/Blog/Kobsak/tabid/164/Default. aspx

สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารปัจจุบันเชิงลึก และ http://api. settrade.com/blog/nivate/โลกในมุมมองของ%20Value% 20Investor% สำหรับแง่คิดที่ดี โดยเฉพาะกับนักลงทุนประเภท Value Investor

9 วิธีแต่งห้องเล็กให้กิ๊บเก๋

Post Today - คำว่ากิ๊บเก๋ ที่จริงแล้วน่าจะเป็นคำว่ากิมมิกเล็กๆ ที่ใช้ในการแต่งห้อง เพราะเราเชื่อว่ามาถึงวันนี้สำหรับคนรักบ้าน เรื่องแนวการแต่งบ้านหลักๆ อย่างโทนสี เฟอร์นิเจอร์ ...

น่า จะเรียกได้ว่าโทนหลักลงตัวเข้ากันได้เป็นอย่างดี พอหมดหน้าที่ของอินทีเรียดีไซน์หลัก ที่เหลือก็คือเจ้าของบ้านก็ได้เวลาเอาข้าวของเครื่องใช้จับๆ วางๆ ให้เป็นระเบียบ และนี่ก็คือเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการใช้ความกิ๊บเก๋ เรียกอารมณ์ขันให้กับบ้านของเราแล้ว และต่อไปนี้คือความภูมิใจนำเสนอไอเท็มและแนวแต่งบ้านกิ๊บเก๋ที่เรารวบรวมมา แนะนำกันในวันนี้

JOBJOB 9 วิธีแต่งห้องเล็กให้กิ๊บเก๋   โปร่ง โล่ง สบาย

ก่อนอื่นจะไปแต่งห้องให้สวยเราก็ต้องทำห้องให้เรียบร้อยเสียก่อน อันที่จริงแล้วข้อนี้เราไม่จำเป็นต้องแนะนำเลยก็ได้ เพราะทุกคนต้องการความโล่ง สะอาดตา สามารถจัดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ข้อแนะนำที่เราอยากบอกเล็กๆ น้อยๆ ก็มีอยู่ว่า ทุกอย่างที่อยู่ในห้องกวาดลงกล่องให้หมด เหลือแต่เฟอร์นิเจอร์ เพียงปัดฝุ่นจัดวางใหม่ให้เรียบร้อย แล้วคุณจะมองเห็นอะไรบ้างอย่างในห้องอย่างที่ไม่เคยเห็น แล้วเวลานั้นค่อยนำสิ่งที่กวาดลงกล่องมาจับวางเพียงชิ้นสองชิ้น จะทำให้เรารู้ว่าสิ่งไหนคือขยะและสิ่งไหนคือของแต่งบ้าน

ตู้บิลด์อิน

ตู้เสื้อผ้าแบบบิลด์อินคงเป็นของแสลงสำหรับนักแต่งบ้านสไตล์คลาสสิกและ คอนเทมโพรารีเป็นอย่างยิ่ง ไม่เป็นไรหากคุณมีบ้านเนื้อที่ 4 ไร่ แต่สำหรับคนที่มีเนื้อที่บ้านไม่พอเก็บไม้กอล์ฟ 4 ชุด ของเล่นสะสมที่ไม่อยากให้ภรรยารู้ เรายังคงแนะนำว่าบิลด์อินคือคำตอบที่ดีที่สุด ลองนึกดูสิว่าสิ่งที่ดูเหมือนผนังธรรมดา สามารถกดเลื่อนเปิดเป็นตู้เก็บสารพัดรองเท้าและของใช้รกๆ ของคุณได้เป็นอย่างดี

แน่นอนของเล่นสะสมของคุณผู้ชายก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากดูเท่มีลูกเล่นกับผนังแล้ว ยังช่วยให้บ้านของเราดูกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ก่อนทำแนะนำซื้อทริปเที่ยวต่างประเทศให้ภรรยาไปกับพ่อตาแม่ยายสักทริป แล้วคุณจะทำตู้เก็บของรักของหวงได้สะดวกโยธินยิ่งขึ้น

JOBJOB 9 วิธีแต่งห้องเล็กให้กิ๊บเก๋   ตู้จดหมายสีหวาน

ตู้จดหมายเป็นสิ่งแสดงการติดต่อสื่อสาร และการรอคอยในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ลองนำตู้จดหมายมาพ่นสีใหม่แบบสีพาสเทลหวาน ที่บอกถึงความโรแมนติก การผจญภัย และจินตนาการสุดโลกของคุณไว้ในตู้จดหมาย เชื่อเถอะว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องมองด้วยรอยยิ้มอย่างแน่นอน

แมวหัวบันได

นี่คือของแต่งบ้านยอดนิยมในยุค 80 แมวหัวกระได ทำไมต้องหัวกระไดไม่มีใครตอบได้ แล้วทำไมต้องเป็นแมวก็ไม่รู้ (สงสัยคนคิดคนแรกจะเบื่อสิงห์เฝ้าบันไดก็เลยเปลี่ยนเป็นแมวหรือเปล่า) เรารู้แต่เพียงว่ามันน่ารัก และเดี๋ยวนี้แมวก็ไม่ได้อยู่หัวกระไดที่เดียวแล้ว แมวอยู่ในทุกๆ ที่ที่เจ้าของอยากให้อยู่ บนชั้นวางของ ชั้นหนังสือ ริมสระน้ำ (เอาไว้แกล้งปลา) หรืออยู่ในใจคุณ (อูย...นั่นชื่อน้องแมว) แล้วก็ไม่ได้มีแต่แมวเพียงอย่างเดียว ยังมีสุนัข ไก่ และกบ ในอิริยาบถต่างๆ วางขายทั่วจตุจักร ลองซื้อมาแต่งบ้านดู เชื่อเถอะว่าไม่ผิดหวังสำหรับกิมมิกเล็กๆ ชิ้นนี้

หนังสือแต่งบ้าน

ยานอนหลับและยากล่อมประสาทขนานแรงที่สุดเท่าที่มีในบ้าน ระดับความแรงของยาและฤทธิ์ที่ออกขึ้นอยู่กับประเภทของหนังสือ ถ้าเป็นหนังสือตำราเรียน แค่เห็นตัวเลขบทที่ 1 เราก็หลับได้ ส่วนนิยายเรื่องโปรดจะออกฤทธิ์กล่อมประสาทว่าเราเป็นเจมส์ บอนด์ ออกล่า แวมไพร์ ทไวไลต์ โชว์ แทน อย่างไรก็ดีหนังสือนอกจากมีคุณเสริมความรู้แล้ว ยังให้คุณในการแต่งบ้าน เสริมภูมิให้เจ้าของบ้านดูดีในสายตาแขกผู้มาเยี่ยมเยือน ลองคุณไม่มีหนังสือในบ้านสักเล่มสิ แขกรับเชิญจะได้คิดว่า บ้านนี้ไม่อ่านหนังสือหนังหาบ้างเลยหรือไร JOBJOB 9 วิธีแต่งห้องเล็กให้กิ๊บเก๋

เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์

สิ่งที่ทำได้มากกว่า 1 มักจะได้รับคำชมและความนิยมเสมอ เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ที่เป็นได้มากกว่า 1 อย่างโซฟาสามารถปรับเอนเป็นที่นอน สตูลวางเท้าใช้เป็นที่เก็บของได้ สิ่งเหล่านี้เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความอเนกประสงค์ใน พื้นที่จำกัด ลองหาซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบนี้ไว้ใช้งาน และเราจะรู้สึกชีวิตมีลูกเล่นอีกเพียบ

บ้านนก

เอาละเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนกกระจิบมาทำรังที่หน้าต่างห้องนอน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่านกเป็นสิ่งบ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติ หากเรามีนกอยู่ในบริเวณบ้าน ก็น่าจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับตัวบ้านได้มากขึ้น ระวังเรื่องหวัดนกให้ดีๆ ก็พอ

ภาพเล่าเรื่องราว

เราทุกคนต่างมีเรื่องราวการเดินทางของตัวเองเสมอ และภาพคือสิ่งที่เล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ดีที่สุด ลองนำภาพการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ของคุณติดไว้ตามที่ต่างๆ ของบ้าน ไล่เรื่องราวตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน จะทำให้แขกทุกคนรู้จักความเป็นตัวตนของคุณมากยิ่งขึ้น แล้วอย่าลืมปล่อยภาพหลุดออกมาบ้างละ อย่างภาพสวีตริมสระน้ำหลังบ้าน หรือภาพเปิ่นๆ จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูเป็นธรรมชาติน่าคบหามากขึ้น

JOBJOB 9 วิธีแต่งห้องเล็กให้กิ๊บเก๋   แต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

รู้นะว่าทุกคนมีคำถามก็คือ ทำไมต้องสไตล์ญี่ปุ่น ทำไมไม่เป็นแบบไทย ก็แบบไทยน่ะหาแต่งยาก แล้วรบกวนสไตล์แต่งโทนหลักของบ้านอย่างรุนแรง ส่วนสไตล์ยุโรปก็ราคาแพง ดังนั้นแนวเอเชียอย่างจีน หรือ ญี่ปุ่น น่าจะเหมาะสำหรับการแต่งบ้านในยุคปัจจุบัน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นแนวการแต่งบ้านในพื้นที่เล็ก รวมทั้งมีราคาไม่แพงอีกด้วย

แล้วอะไรล่ะที่เรียกว่าการแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ลองหาซื้อของแต่งบ้านที่ร้าน 60 บาทดูสิรับรองมีครบ สิ่งสำคัญของสไตล์ญี่ปุ่นก็คือเน้นน้อยชิ้น และเคลื่อนย้ายได้ง่าย และที่ขาดไม่ได้คือไม้ไผ่

ทั้งหมดนี้ก็คือ 9 แบบ 9 สไตล์ที่เป็นกิมมิกเล็กๆ ในการแต่งบ้านให้กิ๊บเก๋ เป็นสีสันที่บ่งบอกความเป็นตัวของตัวเอง อย่างที่ใครก็ออกแบบให้คุณไม่ได้